ศึกฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ นัดชิงชนะเลิศ ที่สหรัฐอเมริกา เกิดเหตุวุ่นวายหลังจบเกม เมื่อ หลุยส์ เอ็นริเก้ กุนซือปารีส แซงต์-แชร์กแมง ปรี่เข้าไปเล่นงาน ชูเอา เปโดร หัวหอกป้ายแดงของ เชลซี ถึงกับลงไปนอนกับพื้น ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกฝ่ายในสนาม

แม้ “สิงห์บลูส์” จะคว้าชัยเหนือ เปแอสเช ไปแบบขาดลอย 3-0 จากสองประตูของ โคล พาลเมอร์ และอีกหนึ่งลูกจาก เปโดร แต่การเฉลิมฉลองของทีมจากลอนดอนกลับถูกขัดจังหวะด้วยเหตุการณ์เดือดช่วงหมดเวลา

จากรายงานระบุว่า หลังจบเกม เปโดร ถูก จานลุยจิ ดอนนารุมม่า นายด่านจอมหนึบของเปแอสเช เดินเข้ามามีปากเสียงอย่างดุเดือด ก่อนที่ เอ็นริเก้ จะเข้ามาจากด้านหลัง แล้วใช้แขนพุ่งเข้าไปที่ลำคอของแข้งวัย 23 ปี

ยังไม่หมดเท่านั้น เมื่อดึงตัวไม่สำเร็จ อดีตกุนซือบาร์ซ่ายังออกหมัดอีกครั้ง และคราวนี้ โดนใบหน้าของ เปโดร เต็ม ๆ จนเจ้าตัวล้มลงไปนอนกับพื้น สต๊าฟฟ์ และนักเตะทั้งสองฝ่ายต้องรีบกรูเข้ามาห้ามก่อนเรื่องจะบานปลาย เหตุการณ์นี้ยิ่งทำให้ความตึงเครียดในสนามสูงขึ้นทันที บางคนจับแยก บางคนแลกคำพูดแรงใส่กันแบบไม่มีใครยอมใคร

แม้จะมีดราม่าท้ายเกม แต่ชัยชนะในนัดนี้ส่งให้ เชลซี คว้าแชมป์รายการที่สองของฤดูกาล หลังจากก่อนหน้านี้เพิ่งชูถ้วย คอนเฟอเรนซ์ ลีก มาได้

โคล พาลเมอร์ เปิดใจหลังเกมว่า “นี่คือความรู้สึกที่สุดยอดมาก โดยเฉพาะเมื่อคนส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าเราจะชนะ แต่เราก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเราสู้ได้ และเราทำได้จริงๆ”

เจ้าตัวยังพูดถึงกุนซือ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ด้วยว่า “โค้ชวางแผนมาอย่างยอดเยี่ยม เขารู้ว่าช่องว่างอยู่ตรงไหน พยายามเปิดพื้นที่ให้ผมเล่นเต็มที่ และผมก็แค่อยากตอบแทนด้วยประตูเหล่านั้น”

“ผู้คนพูดแย่ๆ เกี่ยวกับเรามาทั้งฤดูกาล…แต่ตอนนี้เรากำลังสร้างบางสิ่งที่พิเศษจริงๆ ที่เชลซี”