เกิดความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ในวงการฟุตบอลยุโรป หลังมีรายงาน จากสื่อต่างประเทศว่า สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (UEFA) และกลุ่มผู้จัดตั้ง ซูเปอร์ลีก (Super League) กำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจาเพื่อ “รวมลีก” เข้าด้วยกัน และสร้างการแข่งขันรายการใหม่ที่อาจกลายเป็น “แชมเปียนส์ลีกยุคใหม่” โดยมีโมเดลการถ่ายทอดและระบบธุรกิจคล้ายแพลตฟอร์ม Netflix

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนเมษายน ปี 2021 วงการฟุตบอลโลกต้องสั่นสะเทือน เมื่อ 12 สโมสรยักษ์ใหญ่ของยุโรปประกาศแยกตัวก่อตั้ง “ซูเปอร์ลีก” ของตัวเอง ซึ่งรวมถึงทีมอย่าง เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล และยูเวนตุส ทว่าการต่อต้านอย่างหนักจากแฟนบอลและยูฟ่า ทำให้โครงการดังกล่าวล่มลงในเวลาไม่กี่วัน เหลือเพียง เรอัล มาดริด ที่ยังคงยืนยันแนวคิดซูเปอร์ลีกจนถึงปัจจุบัน

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวชื่อดัง อารานชา โรดริเกซ (Arancha Rodríguez) รายงานว่า มีการพูดคุยกันจริงระหว่างตัวแทนของยูฟ่าและฝ่ายซูเปอร์ลีก เพื่อสร้าง “ทัวร์นาเมนต์ใหม่” ที่ผสมผสานโครงสร้างระหว่างระบบลีกและรอบน็อกเอาต์ โดยเป้าหมายคือการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2027 ซึ่งเป็นช่วงที่สัญญาลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดของยูฟ่าในปัจจุบันจะหมดอายุพอดี

ในรูปแบบใหม่นี้ รายการแข่งขันจะประกอบด้วย 36 สโมสร แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ — กลุ่มบนมี 18 ทีมที่อยู่ในอันดับแรงกิ้งยูฟ่าสูงสุด ส่วนอีกกลุ่มคือ 18 ทีมจากประเทศอื่น ๆ ที่ผ่านเกณฑ์คัดเลือกตามผลงานในลีกภายในประเทศและค่าสัมประสิทธิ์ของลีกนั้น ๆ

แต่ละทีมจะลงเล่น 8 นัดในรอบลีก โดยพบเฉพาะคู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน จากนั้น 8 ทีมอันดับบนของกลุ่มใหญ่จะผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย เพื่อเข้าสู่ระบบน็อกเอาต์แบบเดิมจนถึงรอบชิงชนะเลิศ

แหล่งข่าวระบุว่า การออกแบบใหม่นี้จะมาพร้อมแนวคิด “การรับชมแบบแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง” ที่ให้แฟนบอลทั่วโลกเข้าถึงการแข่งขันได้ง่ายขึ้น คล้ายรูปแบบ Netflix หรือ Amazon Prime พร้อมระบบถ่ายทอดสดและคอนเทนต์พิเศษเฉพาะสมาชิก

แม้จะยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ จากยู ฟ่า แต่รายงานดังกล่าวได้สร้างกระแสฮือฮาไปทั่วทวีป เพราะหากดีลนี้เกิดขึ้นจริง มันอาจเปลี่ยนโฉมหน้า ฟุตบอลยุโรป ไปตลอดกาล ทั้งในแง่ของการแข่งขัน รายได้ และอิทธิพล ของสโมสรใหญ่ต่อวงการ