เจาะลึกหาก ลิเวอร์พูล คว้าตัว อิซัค มาร่วมทีมสำเร็จ
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
16 กรกฎาคม 2568 | 03:52:34 น.

วิเคราะห์สถานการณ์หาก ลิเวอร์พูล สามารถคว้าตัว อเล็กซานเดอร์ อิซัค ศูนย์หน้าสัญชาติสวีเดนวัย 25 ปี จาก นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด มาร่วมทีมได้สำเร็จ
มีรายงานว่า ลิเวอร์พูล เตรียมยื่นข้อเสนอทุบสถิติของสโมสรคือ 120 ล้านปอนด์ เพื่อเป็นสินสอดสู่ขอ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ดาวยิงคนสำคัญของ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด มาร่วมทีม ในขณะที่นักเตะเองก็ต้องการมองหาโอกาสที่จะได้เล่นใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เช่นกัน
แต่ถึงกระนั้น “หงส์แดง” ก็ต้องแย่งชิงกับ เอซี มิลาน และ อัล-ฮิลาล ที่กำลังต้องการตัว อิซัค ไปเติมความดุดันในแผงแนวรุก ซึ่งหากดีลนี้ไม่สำเร็จ “เดอะคอป” ก็มีแผนที่จะเบนเข็มไปล่า ฮูโก้ เอกิติเอก ไอน์ทรัคท์ แฟรงก์เฟิร์ตแทน
อย่างไรก็ตามหาก ลิเวอร์พูล ได้ตัว อเล็กซานเดอร์ อิซัค มาร่วมทีมสำเร็จจริง ถือว่าเป็นดีลที่สั่นสะเทือนตลาดนักเตะอย่างมาก และยังสามารถเปลี่ยนโฉมแนวรุกได้ โดยสามารถวิเคราะห์ได้ในหลายมิติ ดังนี้
1. เติมเต็มแดนหน้าที่ขาดความหลากหลาย
แม้ว่า ลิเวอร์พูล จะมี ดาร์วิน นูนเญซ ประจำการอยู่ในแผงแนวรุกอยู่ แต่ก็อย่างที่ทราบกันดีว่าเขาไม่มีความแน่นอนในการจบสกอร์ ส่วน โคดี้ กั๊กโป ก็มีปัญหาบาดเจ็บอยู่ และการสูญเสียครั้งสำคัญอย่าง ดิโอโก โชต้า แน่นอนว่าการมาของ อิซัค จะเป็นการเสริมทัพที่มีความหมายมาก ด้วยสไตล์การเล่นที่ครบเครื่อง มีทักษะเท้าซ้ายที่เฉียบคมและจบสกอร์หลากหลาย อีกทั้งยังเล่นได้ทั้งตำแหน่งหน้าเป้า กองหน้าตัวต่ำ และริมเส้นฝั่งซ้าย นั่นเอง
2. เหมาะกับระบบของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า
อย่างที่รู้กันดีว่า เอ็นโซ่ มาเรสก้า ชอบใช้ระบบการต่อบอลตั้งแต่แดนหลังและเกมรุกแบบสร้างสรรค์ นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่เหมาะสมในการคว้าตัว อิซัค มาร่วมทีมด้วยความสามารถพาบอลขึ้นเกมเอง สร้างจังหวะเอง และจบสกอร์เองได้ด้วย ทำให้เจ้าตัวสามารถเชื่อมเกมกับมิดฟิลด์และวิ่งหาพื้นที่ฉลาด นอกจากนั้นเขายังเปลี่ยนจังหวะได้ตามแผนยุทธศาสตร์ของโค้ชได้อีกด้วย
3. ลดความกดดันให้ ซาลาห์
ด้วยส่วนสูงที่มากถึง 192 ซม. แต่มีความเร็ว ว่องไว และเลี้ยงบอลได้ดี จะทำให้ อิซัค ช่วยดึงความสนใจของแนวรับได้เป็นอย่างดี ทำให้ ซาลาห์ โชว์ลีลาได้ง่ายขึ้น ทว่าหากซาลาห์ย้ายออก อิซัคก็พร้อมรับบท เดอะแบกคนใหม่ อย่างเต็มตัว
อย่างไรก็ตาม หากดีลนี้เกิดขึ้นจริง อเล็กซานเดอร์ อิซัค จะเป็นการเสริมทัพที่มีความหมายในเชิงคุณภาพต่อ ลิเวอร์พูล เป็นอย่างมาก ภายใต้การคุมทีมของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า กุนซือใหม่ที่มีความทะเยอทะยาน ในการกลับไปลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกและเวทียุโรปอีกครั้ง