“หงส์แดง” เปิดตัวนักเตะใหม่แบบต่อเนื่อง โดยผู้เล่นที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ เพลย์เมกเกอร์ดาวรุ่งทีมชาติเยอรมนี ที่ย้ายมาจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ด้วยค่าตัวที่คาดว่าอยู่ราว 100–116 ล้านปอนด์ นับเป็นหนึ่งในดีลที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร
อีกหนึ่งดีลสำคัญคือ อูโก้ เอคิติเก้ กองหน้าชาวฝรั่งเศสที่ย้ายมาจาก ไอน์ทรัคท์ แฟร้งค์เฟิร์ต ด้วยค่าตัวรวมเงื่อนไขที่อาจสูงถึง 79 ล้านปอนด์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของสโมสรในการยกระดับเกมรุก
นอกจากนี้ ลิเวอร์พูลยังได้เสริมแนวรับด้วยการคว้า เยเรมี่ ฟริมปง แบ็คขวาจอมบุก, มีโลส เคร์เคซ แบ็คซ้ายดาวรุ่ง และผู้รักษาประตูจอร์เจีย จอร์จี มามาร์ดาชวิลี รวมมูลค่าทั้งหมดอีกหลายสิบล้านปอนด์
จากรายงานของหลายสำนักข่าวชั้นนำ ลิเวอร์พูล มีการใช้จ่ายสุทธิเฉพาะช่วงซัมเมอร์นี้สูงถึง 295.5 ล้านปอนด์ นับเป็นสถิติสูงสุดในพรีเมียร์ลีก โดยทิ้งห่างทีมใหญ่อื่น ๆ อย่างเชลซี, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และอาร์เซน่อล ที่แม้จะมีการลงทุนสูงเช่นกัน แต่ยังห่างกับ “เดอะคอป” อยู่อีกมาก
การเสริมทัพครั้งใหญ่ของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของผู้บริหารและกุนซือ อาร์เน่ สลอต ที่ต้องการพาทีมกลับสู่ความยิ่งใหญ่ในทั้งระดับประเทศและยุโรป หลังจากฤดูกาลที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลไม่สามารถคว้าแชมป์ลีกได้และจบอันดับน่าผิดหวัง
นักวิเคราะห์เชื่อว่าการลงทุนในนักเตะฝีเท้าดีระดับโลกครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เพิ่มคุณภาพทีมในทันที แต่ยังสะท้อนภาพของ “ยุคลิเวอร์พูลใหม่” ที่พร้อมกลับมาทวงคืนบัลลังก์อีกครั้ง
