ความจริงที่แมนยูไม่อยากพูดถึง! – ข่าวลือ “เจ้าชายซาอุฯ” จ้องเทคโอเวอร์
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
10 ตุลาคม 2568 | 11:44:31 น.

แม้จะผ่านมานานเกือบ 20 ปีเต็ม แล้วตั้งแต่ตระกูล เกลเซอร์ (Glazer Family) เข้ามาเทกโอเวอร์สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่สิ่งที่แฟนบอล “ปีศาจแดง” ยังพูดถึงไม่จบ คือการที่เจ้าของทีมจากฟลอริดา ปั่นให้สโมสรเป็นเหมือนเครื่องผลิตเงินสดส่วนตัว มากกว่าจะมองเป็น “สโมสรฟุตบอล”
ตลอดช่วงเวลาสองทศวรรษที่ผ่านมา มีการประเมินว่า แมนยูต้องเสียเงินไปรวมแล้วกว่า 1.2 พันล้านปอนด์ เฉพาะในส่วนของ ดอกเบี้ยหนี้สิน, การชำระหนี้, เงินปันผล และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่ไหลเข้ากระเป๋าเกลเซอร์อย่างต่อเนื่อง หลังจากการเข้าครอบครองสโมสรเมื่อปี 2005 ที่มาพร้อมการกู้เงินจำนวนมหาศาล
เกลเซอร์ถือครองหุ้นอยู่ราว 48.9% ของสโมสร แต่กลับมีอำนาจควบคุมเต็มรูปแบบผ่านสิทธิ์การลงคะแนนเสียง โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเขาแทบไม่ได้ลงทุนเสริมทัพหรือปรับโครงสร้างทีมแบบจริงจัง แม้ฟอร์มของแมนยูจะตกต่ำเรื่อยมาตั้งแต่ยุคหลังเฟอร์กูสันก็ตาม
แม้ทีมจะไม่ได้สัมผัสถ้วย แชมเปียนส์ลีก ตั้งแต่ปี 2008 และไม่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกเลยนับตั้งแต่ปี 2013 แต่รายรับของสโมสรก็ยังสูงติดลมบน ล่าสุดในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แมนยูทำรายได้รวมถึง 670 ล้านปอนด์ แม้จะไม่ได้ร่วมศึกแชมเปียนส์ลีกก็ตาม แต่กลับขาดทุนสุทธิ 33 ล้านปอนด์
กระแสข่าวลือล่าสุดยังโยงไปถึง Turki Al-Sheikh เจ้าชายแห่งซาอุดีอาระเบีย ที่มีความสนใจเทกโอเวอร์แมนยู หลังจากตระกูลเกลเซอร์ถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องการบริหารและหาผลประโยชน์ส่วนตัวจากสโมสรระดับโลก
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากทั้งสองฝ่าย แต่บรรดาแฟนบอลแมนยู ทั่วโลกต่างหวังว่า หากการเปลี่ยนมือเกิดขึ้นจริง อนาคตของ “ปีศาจแดง” อาจกลับมาสว่างไสวอีกครั้ง หลังถูกดูดเลือดทางการเงินมานาน เกือบสองทศวรรษเต็ม